กลยุทธ์เงินคืนที่ดีที่สุด: วิธีเพิ่มรางวัลและการออมของคุณให้สูงสุด
เพิ่มเงินออมของคุณด้วยสุดยอดกลยุทธ์แคชแบ็ก

แคชแบ็ก (Cashback) เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเงินที่ช่วยให้คุณได้รับเงินคืนจากการซื้อสินค้าและบริการ เป็นรางวัลที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณสามารถลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มการออมได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก อย่างไรก็ตาม หากใช้แคชแบ็กอย่างมีกลยุทธ์ คุณสามารถเพิ่มรางวัลและการออมของคุณให้สูงสุดได้ มาดูกันว่าคุณจะใช้แคชแบ็กให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร
แคชแบ็กคืออะไร และเหตุใดจึงควรใช้
แคชแบ็กเป็นโปรแกรมรางวัลที่ให้เงินคืนแก่ผู้ใช้เมื่อมีการทำธุรกรรม เช่น การซื้อสินค้า การจ่ายค่าสาธารณูปโภค หรือแม้แต่การเดินทาง หลักการทำงานคือคุณจะได้รับเปอร์เซ็นต์ของเงินที่ใช้จ่ายคืนเข้าบัญชีของคุณ ซึ่งอาจมาในรูปแบบของเครดิตเงินคืน คะแนนสะสม หรือเงินสดจริง
ปัจจุบัน โปรแกรมแคชแบ็กได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้น เนื่องจากช่วยให้ผู้ใช้สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้เสริมผ่านการใช้จ่ายที่มีอยู่แล้ว ดังนั้น การใช้แคชแบ็กอย่างมีกลยุทธ์สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวางแผนการเงินและบริหารรายจ่ายได้
เลือกโปรแกรมแคชแบ็กที่เหมาะสม
การเลือกใช้โปรแกรมแคชแบ็กที่ดีที่สุดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแต่ละโปรแกรมมีเงื่อนไขและโอกาสในการได้รับรางวัลที่แตกต่างกัน อันดับแรก เราต้องเข้าใจว่ามีประเภทใดบ้าง
- บัตรเครดิตเงินคืน: เสนอเงินคืนตามเปอร์เซ็นต์ของรายจ่าย บางบัตรมีโบนัสพิเศษสำหรับหมวดหมู่สินค้าเฉพาะ เช่น ร้านอาหาร หรือชอปปิ้งออนไลน์
- แอปพลิเคชันแคชแบ็ก: บริการเช่น ShopBack หรือแอปจากธนาคาร ช่วยให้คุณได้รับส่วนลดหรือเงินคืนเมื่อลงทะเบียนและซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม
- โปรแกรมสะสมแต้มจากร้านค้า: ร้านค้าหลายแห่งมีโปรแกรมสะสมแต้มที่สามารถเปลี่ยนเป็นแคชแบ็กหรือเป็นส่วนลดในอนาคต
ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกโปรแกรมแคชแบ็ก ได้แก่
- อัตราเงินคืน: เปอร์เซ็นต์ของเงินคืนควรสูงพอที่จะคุ้มค่ากับการใช้งาน
- ตัวเลือกการแลกเงินคืน: บางโปรแกรมให้แลกเป็นเงินสดโดยตรง ขณะที่บางโปรแกรมให้เฉพาะเครดิตส่วนลดในการซื้อครั้งถัดไป
- เงื่อนไขและค่าธรรมเนียม: ควรอ่านข้อกำหนดให้ละเอียด เพื่อป้องกันการเสียค่าธรรมเนียมโดยไม่จำเป็น
หลีกเลี่ยงโปรแกรมที่มีข้อจำกัดซับซ้อน เช่น ต้องใช้เงินถึงจำนวนที่กำหนดก่อนจึงจะแลกรับแคชแบ็กได้ หรือมีค่าธรรมเนียมการใช้งานสูง
วิธีเพิ่มรางวัลแคชแบ็กให้สูงสุด
เมื่อเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมแล้ว ก็ถึงเวลามาดูวิธีใช้แคชแบ็กให้ได้ประโยชน์สูงที่สุด
- ใช้ให้ตรงกับหมวดหมู่ที่ให้เงินคืนสูงสุด: บัตรเครดิตบางใบให้เงินคืนสูงในบางหมวด เช่น ค่าเดินทางหรือร้านอาหาร ควรเลือกบัตรที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณ
- ซ้อนเงินคืนจากหลายแหล่ง: สามารถใช้แอปพลิเคชันเงินคืนร่วมกับบัตรเครดิตเงินคืนได้ ตัวอย่างเช่น การซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชันที่ให้เงินคืน แล้วชำระเงินด้วยบัตรเครดิตที่มีโปรแกรมเงินคืน จะช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์เงินคืนของคุณ
- ใช้ร่วมกับคูปองและโปรโมชัน: คุณสามารถใช้แคชแบ็กร่วมกับโค้ดส่วนลดและโปรโมชันจากร้านค้าเพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด
การเลือกร้านค้าที่มีแคชแบ็กสูงสุดในแต่ละหมวดหมู่ เช่น การเติมน้ำมันหรือซื้อของใช้ในครัวเรือนจากร้านค้าที่มีโปรแกรมเงินคืน จะช่วยให้คุณได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุด
วิธีใช้เงินคืนจากแคชแบ็กให้คุ้มค่า
การได้รับแคชแบ็กเป็นเพียงก้าวแรก แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการใช้เงินคืนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับการเงินของคุณ
- แยกเงินคืนไว้ใช้จ่ายที่จำเป็น: เช่น ใช้ลดค่าบัตรเครดิต หรือเป็นค่าครองชีพรายเดือน
- ลงทุนหรือฝากออมทรัพย์: เงินคืนที่ได้มาสามารถนำไปลงทุนหรือเก็บออมเพื่ออนาคตได้ ยกตัวอย่างเช่น การนำไปฝากในบัญชีที่ให้ดอกเบี้ยสูง หรือซื้อกองทุนรวม
- ใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าครั้งถัดไป: หากร้านค้าเสนอเครดิตเงินคืนแทนเงินสด สามารถนำส่วนลดนั้นมาใช้ซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
การมีวินัยทางการเงินและใช้แคชแบ็กอย่างมีกลยุทธ์ สามารถช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้จ่ายในแต่ละวัน และสร้างรากฐานทางการเงินที่มั่นคงในระยะยาว